วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556





                              การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์

ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของร้อยกรองในภาษาไทย ที่บังคับเสียงหนัก - เบาของพยางค์ ที่เรียกว่า ครุ - ลหุ ฉันท์ในภาษาไทยรับแบบมาจากประเทศอินเดีย ตำราฉันท์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียเป็นภาษาสันสกฤต คือ ปิงคลฉันทศาสตร์ แต่งโดยปิงคลาจารย์ ส่วนตำราฉันท์ภาษาบาลีเล่มสำคัญที่สุดได้แก่ คัมภีร์วุตโตทัยปกรณ์ ผู้แต่งคือ พระสังฆรักขิตมหาสามี เถระชาวลังกา แต่งเมื่อ พ.ศ. 1703 เป็นที่มาของ คัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเป็นต้นตำหรับการแต่งฉันท์ของไทย[1] เมื่อคัมภีร์วุตโตทัยแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย กวีจึงได้ปรับปรุงให้เหมาะกับขนบร้อยกรองไทย เช่น จัดวรรค เพิ่มสัมผัส และเปลี่ยนลักษณะครุ-ลหุแตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป
ฉันท์ ในคัมภีร์วุตโตทัยได้แปลงเป็นฉันท์ไทยครบทั้ง 108 ชนิด ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนายฉันท์ ขำวิไล เป็นผู้ดัดแปลงเพิ่มเติมจนครบถ้วนและจัดพิมพ์รวมเล่มทั้งหมดในปี พ.ศ. 2474 ใช้ชื่อว่า ฉันทศาสตร์
นอกเหนือจากฉันท์ทั้ง 108 ชนิดดังกล่าวแล้ว กวีได้ทดลองประดิษฐ์ฉันท์ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยดัดแปลงจากฉันท์เดิมบ้าง โดยเลียนเสียงเครื่องดนตรีบ้าง หรือโดยแรงบันดาลใจจากฉันท์ต่างประเทศ หรือชื่อบุคคลสำคัญบ้าง อย่างไรก็ตาม ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ล้วนจัดอยู่ในประเภทฉันท์วรรณพฤติทั้งสิ้น[2]

ฉันท์ในคัมภีร์วุตโตทัยฉันท์วรรณพฤติ มีทั้งสิ้น 81 ชนิด บังคับจำนวนพยางค์ ตั้งแต่ บาทละ 6 พยางค์ ถึง 25 พยางค์ แต่ ฉันท์ที่คนไทยนิยมแต่ง มีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่

จิตรปทาฉันท์ 8[แก้]

หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุเหมือนกับทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เหตุพินาศอนุศาสน์ แสดง
ฉัพพิธะแจงนรปรีชา
เชิญมละโทษดุจพรรณนา
จักยศถาวรสวัสดี
ฉันทภิปรายอธิบายบท
คามภิรพจน์ศุภสารศรี
จิตระปทาพฤตินามมี
จินตกวีรนิพนธ์แถลง
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

วิชชุมมาลาฉันท์ 8[แก้]

วิชชุมมาลาฉันท์ มีความหมายว่า "ระเบียบแห่งสายฟ้า" ประกอบด้วยครุล้วน จึงใช้บรรยายความอย่างธรรมดา
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
แรมทางกลางเถื่อนห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งในนึกดูเห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วงเมืองหลวงธานี
นามเวสาลีดุ่มเดาเข้าไป
ผูกไมตรีจิตเชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมืองฉันอัชฌาสัย
เล่าเรื่องเคืงขุ่นว้าวุ่นวายใจ
จำเป็นมาในด้าวต่างแดนตน
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

มาณวกฉันท์ 8[แก้]

มาณวกฉันท์ มีความหมายว่า "ประดุจเด็กหนุ่ม" ใช้แต่งบรรยายความที่รวดเร็ว
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 คำ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ล่วงลุประมาณกาลอนุกรม
หนึ่งณนิยมท่านทวิชงค์
เมื่อจะประสิทธิ์วิทยะยง
เชิญวรองค์เอกกุมาร
เธอจรตามพราหมณไป
โดยเฉพาะในห้องรหุฐาน
จึงพฤฒิถามความพิสดาร
ขอ ธ ประทานโทษะและไข
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

ปมาณิกฉันท์ 8[แก้]

หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาทคือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ประดิษฐ์ประดับประคับประคอง
ละเบงละบองจำแนกจำนรร
ระเบียบและบทสุพจน์สุพรรณ์
จะเฉิดจะฉันวิเรขวิไล
ลิลิตลิลาศมิคลาดมิคล้อย
ก็เรียบก็ร้อยอำพนอำไพ
จะจัดจะแจงผิแขงผิไข
แถลงไถลก็เสื่อมก็ทราม
— (ฉันทศาสตร์)

อุปัฏฐิตาฉันท์ 11[แก้]

หมายถึงฉันท์ที่กล่าวสำเนียงอันดังก้องให้ปรากฏ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เห็นเชิงพิเคราะห์ช่องชนะคล่องประสบสม
พราหมณ์เวทอุดมธก็ลอบแถลงการณ์
ให้วัลลภะชนคมะดลประเทศฐาน
กราบทูลนฤบาลอภิเผ้ามคธไกร
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

อินทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]

อินทรวิเชียรฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดุจสายฟ้าของพระอินทร์" เป็นฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด มีลักษณะและจำนวนคำคล้ายกับกาพย์ยานี 11 แต่ต่างกันเพียงที่ว่าอินทรวิเชียรฉันท์ มีข้อบังคับ ครุและลหุ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
บงเนื้อก็เนื้อเต้นพิศะเส้นสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไหว
แลหลังก็หลั่งโล-หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งผาดอนาถใจตละล้วนระรอยหวาย
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทิชงค์เจาะจงเจตน์กละห์เหตุยุยงเสริม
กระหน่ำและซ้ำเติมนฤพัทธะก่อการ
ละครั้งระหว่างคราทินะวาระนานนาน
เหมาะท่าทิชาจารย์ธก็เชิญเสด็จไป
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

อุปชาติฉันท์ 11[แก้]

หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ
  • บาทที่ 1 และบาทที่ 4 เป็นอุเปนทรวิเชียรฉันท์ คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
  • บาทที่ 2 และบาทที่ 3 เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พิธีณะฉันทศาสตร์อุปชาตินามเห็น
เชลงลักษณลำเค็ญกลนัยสลับกัน
นาเนกะบัณฑิตย์จะประกิจประกอบฉันท์
พินิจฉบับบรรพ์บทแน่ตระหนักใจ
— (ประชุมจารึกวัดประเชตุพนฯ)

สาลินีฉันท์ 11[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พราหมณ์ครูรู้สังเกตประจักษ์เหตุตระหนักครัน
ราชาวัชชีสรรพะจักสู่พินาศสม
ยินดีบัดนี้กิจจะสัมฤทธิ์มนารมณ์
ทำมาด้วยปรากรมและอุตสาหะแห่งตน
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

สวาคตาฉันท์ 11[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคหลัง 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ข้าสดับสุมะทะนาวจะว่าวอน
ใจก็นึกกรุณะหล่อนฤดิสงสาร
เล็งก็รู้ณพะหุเหตทุขะเภทพาล
ใคร่จะช่วยและอุปะการยุวะนารี
— มัทนะพาธาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

วังสัฏฐฉันท์ 12[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
อนี้และนามวังสฐะดั่งฉบับนิพนธ์
ประกอบวิธียลบทแบบก็แยบขบวน
ดิเรกะวิญญูชนะรู้แลใคร่แลครวญ
สนุกเสนอควรสุขจิตรประดิษฐ์ณะฉันท์
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

อินทวงศ์ฉันท์ 12[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ราชาประชุมดำ-ริหะโดยประการะดัง
ดำรัสตระบัดยังวจนัตถ์ปวัตติพลัน
ให้ราชภัฏโปริสะไปขมีขมัน
หาพราหมณ์ทุพลอันบุระเนระเทศะมา
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

โตฎกฉันท์ 12[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
มะทะนาดนุรักวรยอดยุพะดี
และจะรักบมิมีฤดิหน่ายฤระอา
ผิวะอายุจะยืนศะตะพรรษะฤกว่า
ก็จะรักมะทะนาบมิหย่อนฤดิหรรษ์
— มัทนะพาธาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภุชงคประยาตฉันท์ 12[แก้]

ภุชงคประยาตฉันท์ 12 มีความหมาย "งูเลื้อย" มีทำนองที่สละสลวย มักใช้แต่งกับเนื้อหาที่มีการต่อสู้ บทสดุดี บทชมความงาม บทถวายพระพร และบทสนุกสนาน นอกจักนั้นยังสามารถใช้แต่งบรรยายความให้รวดเร็วได้
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยลคเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวารระวังเหือดระแวงหาย
เหมาะแก่การจะเสกสันปวัตติ์วัญจะโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสายสมัคคิ์สนธิ์สโมสร
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

กมลฉันท์ 12[แก้]

หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทวิโลกยาฤๅคุณก็บุลยบันดาล
อภิมงคลาลาญทุวิบากวิบัติภัย
คณะฉันทสรรค์นามกรตามบุราณไข
บทกลอนกระมลไพเราะหพร้องลบองแสดง
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

วสันตดิลกฉันท์ 14[แก้]

วสันตดิลกฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 14 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
รอบด้านตระหง่านจตุรมุขพิศะสุขอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
บานบัฏพระบัญชระสลักฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกายระกะดาดประดิษฐ์ดี
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

มาลินีฉันท์ 15[แก้]

ชื่อฉันท์แปลว่า ดอกไม้ เป็นฉันท์ที่แต่งยากแต่ทว่ามีความงามประดุจดอกไม้ ทำนองฉันท์สั้นกระชับในตอนต้น แล้วราบรื่นในตอนปลาย เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองเคร่งขรึมน่ายำเกรง กวีมักใช้แต่งเพื่ออวดความสามารถในการใช้ศัพท์และเป็นเชิงกลบท
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ วรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
กษณะทวิชะรับฐานันดร์และที่วา
จกาจารย์
นิรอลสะประกอบภารพีริโยฬาร
และเต็มใจ

ประภัททกฉันท์ 15[แก้]

หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
สุวุติปภัททการจิตนา
มกรประกาศ
บทคณฉันทศาสตร์นิกรปราชญ์
ประพฤติเพียร
พจนพิจิตรเรียนอลสะเพียร
มโนวิจารณ์
วิบุลยปรีชญาณพลจะชาญ
ฉลาดนิพนธ์
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

วาณินีฉันท์ 16[แก้]

หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
นรนฤนาทภิบาลกลประมาณ
ประเล่ห์อุประมา
จะประพฤติราชกิจานุกิจสา \
ธุธรรม์บอาธรรม์
บุพบทวากยวรรณวุดิฉัน
ทวณินีนาม
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18[แก้]

หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 11 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เสวกพึงศึกษาณสุวสดิดอุด-
ดมดิเรกดุจวิการกถา
ฉันท์นี้ธีเรศอ้างกุสุมิตลดา
เวลลิตานามกรขนาน
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19[แก้]

หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ขบวรเลบงเพรงพากย์พร้องก็เพราะพจนกลอน
เสนอกระวีวรทฤษฎี
ลบองเมฆวิปผุชชาติตาสุวุฒิกลมี
ฉันทคัมภีร์พฤโตทัย
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ 19[แก้]

สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ มีความหมาย "เสือผยอง" ใช้แต่งบทไหว้ครู บทโกรธ และบทยอพระเกียรติ
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 5 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 2 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี
กายจิตร์วจีไตรวาร
กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ
ยอดศาสดาจารย์มุนี
อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี
พุทธ์พจน์ประชุมตรีปิฎก
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต

อีทิสังฉันท์ 20[แก้]

อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ
หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตีณ แรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินักณ ฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมลละไมก็ฉันนั้น
— มัทนะพาธาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

สัทธราฉันท์ 21[แก้]

ฉันท์ที่มีลีลาวิจิตรประดุจสตรีเพศผู้ประดับด้วยพวงมาลัย
หนึ่งบทมี 21 พยางค์ แบ่งเป็น 4 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 7 พยางค์ วรรคสาม 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
อรรถแสดงแห่งเหตุพิเศษผลนิกรวิธุรชน
เชิญประกอบกลประกาศสาร
รังสรรค์ฉันทพากยโบราณบุนรจนวิถาร
สัทธราขนานณนามกร
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

ฉันท์มาตราพฤติ[แก้]

ฉันท์มาตราพฤติ เป็นฉันท์ที่บังคับมาตรา โดยกำหนดให้พยางค์เสียงหนักคือ พยางค์ครุเป็นพยางค์ละ 2 มาตรา ส่วนพยางค์เสียงเบา คือ พยางค์ลหุ เป็นพยางค์ละ 1 มาตรา ในคัมภีร์วุตโตทัยมีฉันท์มาตราพฤติ 27 ชนิด ตั้งแต่บทละ 45 มาตรา จนถึง 68 มาตรา แบ่งเป็น 4 พวกใหญ่ ๆ คือ

อริยชาติฉันท์[แก้]

มี ๗ ชนิด ได้แก่ อริยฉันท์, อริยสามัญญฉันท์, อริยปัฐยาฉันท์, อริยวิปุลาฉันท์, อริยจปลาฉันท์, อริยมุขจปลาฉันท์ และ อริยชฆนจปลาฉันท์

คีติชาติฉันท์[แก้]

มี ๔ ชนิด ได้แก่ คีติฉันท์, อุปคีติฉันท์, อูคีติฉันท์ และอริยคีติฉันท์

เวตาฬิยชาติฉันท์[แก้]

มี ๙ ชนิด ได้แก่ เวตาฬิยฉันท์, โอปัจฉันทสกะฉันท์, อาปาตลิฉันท์, ลักขณันตฉันท์, อุทิจจวุตติฉันท์, ปัจจวุตติฉันท์, ปวัตตกฉันท์, อปรันติกฉันท์ และจารุหาสินีฉันท์

มัตตาสมกชาติฉันท์[แก้]

มี ๗ ชนิด ได้แก่ อจลฐิติฉันท์, มัตตาสมกฉันท์, วิสิโลกฉันท์, วานวาสิกฉันท์, จิตราฉันท์, อุปจิตราฉันท์ และปาทากุลกฉันท์

กวีไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงานกวีนิพนธ์[แก้]

ฉันท์มาตราพฤติเป็นฉันท์ที่กำหนดมาตรา ไม่กำหนดคณะฉันท์ ผู้แต่งสามารถพลิกแพลงอักษรใช้ได้หลายแบบในมาตราที่กำหนด ทำให้ดูขาดระเบียบ และไม่กำหนดฉันทลักษณ์ที่แน่นอนลงได้ รวมทั้งกำหนดจังหวะอ่านลำบาก กวีจึงไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงานกวีนิพนธ์ จะมีก็แต่ในตำราฉันท์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเท่านั้น[2]

ฉันท์ประดิษฐ์ขึ้นใหม่[แก้]

การประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ของกวีตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามี 2 ลักษณะ[1]คือ
  • ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย
  • ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น

ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย[แก้]

ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยอยุธยาและปรากฏชื่อในจินดามณี[แก้]

มี ๓ ชนิด คือ วิเชียรดิลกฉันท์, ดิลกวิเชียรฉันท์ และโตฎกดิลกฉันท์
  • วิเชียรดิลกฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับระหว่างบาทกับระหว่างบท ตัวอย่าง
เคยพาดพระหัตถ์เหนือ(๕)อุรราชกัลยา(๖)
กอดเกี้ยวคือกาญจนลดา(๘)อันโอบอ้อมทุมามาลย์(๖)
พิศพักตรมณฑลศศิบริสุทธิเปรียบปาน
เปรมร่วมมฤธูรสุบันดานรดีดัดบันเจิดใจ
— (จินดามณี)
  • ดิลกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์ กับอินทรวิเชียรฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
อุรประทับอรถนัง(๘)บรามัสสิวรไวย(๖)
จุมพิตริมไร(๕)โอษฐคันฐกัลยา(๖)
บริสังคติพระอุระองค์อานุชพนิดา
สมสนุกนิเสน่หารสราคเอมอร
— (จินดามณี)
  • 'โตฎกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างโตฎกฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๖ พยางค์ บาทแรกเป็นโตฎกฉันท์ ๑๒ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
วรรังษิประไพ(๖)บุรโชติพรายพรรณ(๖)
เสตาเจนิรัตนสรรพ(๘)ปริโตปิลังโค(๖)
หรคัณหปิงคำกปิโลโลปิตโต
สิหัษรโทโพอรุโณภาศรัศศมี
— (จินดามณี)

ฉันท์ที่ประดิษฐ์ในสมัยรัตนโกสินทร์[แก้]

  • กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงประดิษฐ์ฉันท์ขึ้น ๕ ชนิด ในพระนิพนธ์เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์ โดยผสมฉันท์ ๔ ชนิดได้แก่ อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ ภุชงคปยาตฉันท์ และอินทวงศ์ฉันท์ เข้าด้วยกันเกิดเป็น ภุชพงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตวงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตปยาตฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์) ภุชงควิเชียรฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทรวิเชียรฉันท์) และอินทรลิลาตฉันท์ (ผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์)
ตัวอย่างวสันตวงศ์ฉันท์ 15
ผัวเมียพม่าทุพละพาศน์หินะชาตินิวาศพนอม
ขัดแคลนนิแสนทุรนะตรอมอุระเท้งเขยงขยัน
ทำตาลก็นานนิตยะเพียงผละเลี้ยงชีวินละวัน
เกิดบุตรีก็สุดจะปิยะฉันชิวะพ่อพะนอถนอม
— (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์)
ตัวอย่างอินทรลิลาตฉันท์ 11
ผ่านฟ้าพญาเสือดุร้ายเหลือและโลภโกง
เสมือนต้อนตะโพงโขลงพศกหาภุกาเมนทร์
ไทเอือนพระเหมือนม่านเพราะบักอานกะการเกณฑ์
เดือดดาลกะบาลเบนขบถไท้ผิใครชวน
— (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์)
ราตรีก็แม่นมีขณะดีและร้ายปน
ไป่ผิดกะคนคนคุณโทษประโยชน์ถม
ราตรีกลีกลพิโรธหฤโหดกระหึมลม
มืดตื้อกระพือพิรุณพรมและฤเราจะแยแส
— (โคลงกลอนของครูเทพ เล่ม ๒)
ตัวอย่างคำประพันธ์
สะพรึบสะพรั่ง
ณหน้าและหลังณซ้ายและขวา
ละหมู่ละหมวดก็ตรวจก็ตรา
ประมวลกะมาสิมากประมาณ
นิกายเสบียง
ก็พอก็เพียงพโลปการ
และสัตถภัณฑสรรพภาร
จะยุทธราญกะเรียกระดม
— สามัคคีเภทคำฉันท์ชิต บุรทัต
ความลับจะดำมืดความชืดจะชินชา
ด้วยเล่ห์ ณ เวลามองฟ้าสิอาจม
คนไทยไฉนเล่าโง่เง่าและงายงม
หลงชื่นระรื่นชมนานนมนิยมมา
ต่างเห็นจะเป็นเหยื่อเฝ้าเชื่อและบูชิต
ยิ่งคาดอนาถผิดเจ็บจิตอนิจจา
ฝังปลูกกระดูกผีกี่ปีก็เปรมปรา
โคตรใครจะไคลคลาไพร่ฟ้าสิหน้าเขียว
— สามแพร่งชีวิตคำฉันท์คมทวน คันธนู

ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น[แก้]

ชโยสยาม ณ ยามจะรุ่นสยามดรุณจะเร็วเจริญ
ณ คราวจะเรียนก็เพียรจะเพลินฤ ใครจะเกินสยามดรุณ
กุมาระไทยไฉนจะหลงจะลืมพระองคะทรงสกุล
ยามะรัฐอุบัติเพราะบุญพระเดชพระคุณพระราชะวงศฯ
ณยามสายัณห์ตะวันย้อยต่ำเถอะเร่งเท้าตำจะค่ำแล้วหนอ
ตะแล้กแต้กแต้กจะแหลกแล้วพ่อกระด้งเขารอจะขอรับไป
บุรุษรอทีสตีเร่งเท้าบุรุษยั่วเย้ากระเซ้าเสียงใส
กระเดื่องตำข้าวก็กราวเสียงไกลสนุกน้ำใจสมัยราตรี
โอ้องค์พระทรงสมญา"ปิยมหาจุฬาลงกรณ์"
ไทยสามิภักดิ์ภูธรหทยเทอดพระเลิศเลอธรรม์
แสงสูริย์จรูญจำรัสรพิประภัสสร์ก็เพียงกลางวัน
แสงโสมชโลมแหล่งสรรพ์ภพอร่ามก็ยามกลางคืน
อ้า! ทิวา ณ ฉนำใหม่ศุภพิสัยดีถีเปรม
ขอเชิญพระไตรรตโนดมสรณะมิ่งประชานิกร
จุ่งได้ประสาทสิริพรให้ธนิรภัยเกษมบวร
ยืนยง ณ ชีวนิรันดรดุจนภาและเมทินี
รวมปฐมพระจักริวงศ์วีระทรงบำราบอมิตร
เบญจมงค์วรงค์มหิทธิ์ปิยะราชผนิตสยาม
ดั่งพระเนาวมงค์พระนามไท้พระภัทร "ภูมิพลฯ"
ครบฉนำเฉลิมพระชนม์ปกประชาพิเศษพิชัย
รพีพัฒนศักดิ์พระเอกอัครคุณ
อร่ามเรือง ณ อรุณสถิตทอนิติธรรม
ละครวิทยุประลุวิทยานันท์
กระแสส่งนภาพลันระกะสายกระจายเสียง
มิเปลืองฉากธนะผิแสดงก็สรรเพียง
ประโลมโลกนิยายเรียงรจเรขรำพันครวญ
สยามชาติเจริญรุ่งคติมุ่งจรุงมั่น
วิบูลย์สุขขจายครันศุภนันทนาการ
ผดุงกิจการแผ้วก่อทแกล้ววิวัฒน์งาน

ฐิติสานลุมั่นคง

ตัวอย่างการอ่านมาณวกฉันท์


                                                    ตัวอย่างการอ่าน วสันตดิลกฉันท์

อ้างอิง[แก้]

  1. ↑ Jump up to:1.0 1.1 กวีนิพนธ์ไทย ๑ - ๒, สุภาพร มากแจ้ง, กรุงเทพฯ, โอเดียนสโตร์, 2539.
  2. ↑ Jump up to:2.0 2.1 ครรภครรลองร้อยกรองไทย, กรมศิลปากร, กรุงเทพ, พ.ศ. 2544, หน้า 265.
  3.   วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี