การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของ
ร้อยกรองใน
ภาษาไทย ที่บังคับเสียงหนัก - เบาของพยางค์ ที่เรียกว่า
ครุ -
ลหุ ฉันท์ในภาษาไทยรับแบบมาจาก
ประเทศอินเดีย ตำราฉันท์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียเป็น
ภาษาสันสกฤต คือ
ปิงคลฉันทศาสตร์ แต่งโดย
ปิงคลาจารย์ ส่วนตำราฉันท์
ภาษาบาลีเล่มสำคัญที่สุดได้แก่
คัมภีร์วุตโตทัยปกรณ์ ผู้แต่งคือ
พระสังฆรักขิตมหาสามี เถระชาวลังกา แต่งเมื่อ
พ.ศ. 1703 เป็นที่มาของ
คัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเป็นต้นตำหรับการแต่งฉันท์ของไทย
[1] เมื่อคัมภีร์วุตโตทัยแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย กวีจึงได้ปรับปรุงให้เหมาะกับขนบร้อยกรองไทย เช่น จัดวรรค เพิ่มสัมผัส และเปลี่ยนลักษณะครุ-ลหุแตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป
ฉันท์ ในคัมภีร์วุตโตทัยได้แปลงเป็นฉันท์ไทยครบทั้ง 108 ชนิด ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนาย
ฉันท์ ขำวิไล เป็นผู้ดัดแปลงเพิ่มเติมจนครบถ้วนและจัดพิมพ์รวมเล่มทั้งหมดในปี
พ.ศ. 2474 ใช้ชื่อว่า
ฉันทศาสตร์
นอกเหนือจากฉันท์ทั้ง 108 ชนิดดังกล่าวแล้ว กวีได้ทดลองประดิษฐ์ฉันท์ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยดัดแปลงจากฉันท์เดิมบ้าง โดยเลียนเสียงเครื่องดนตรีบ้าง หรือโดยแรงบันดาลใจจากฉันท์ต่างประเทศ หรือชื่อบุคคลสำคัญบ้าง อย่างไรก็ตาม ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ล้วนจัดอยู่ในประเภทฉันท์วรรณพฤติทั้งสิ้น
[2]
ฉันท์ในคัมภีร์วุตโตทัยฉันท์วรรณพฤติ มีทั้งสิ้น 81 ชนิด บังคับจำนวนพยางค์ ตั้งแต่ บาทละ 6 พยางค์ ถึง 25 พยางค์ แต่ ฉันท์ที่คนไทยนิยมแต่ง มีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่
จิตรปทาฉันท์ 8[แก้]
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุเหมือนกับทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เหตุพินาศ | | อนุศาสน์ แสดง |
ฉัพพิธะแจง | | นรปรีชา |
เชิญมละโทษ | | ดุจพรรณนา |
จักยศถา | | วรสวัสดี |
ฉันทภิปราย | | อธิบายบท |
คามภิรพจน์ | | ศุภสารศรี |
จิตระปทา | | พฤตินามมี |
จินตกวี | | รนิพนธ์แถลง |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วิชชุมมาลาฉันท์ 8[แก้]
วิชชุมมาลาฉันท์ มีความหมายว่า "ระเบียบแห่งสายฟ้า" ประกอบด้วย
ครุล้วน จึงใช้บรรยายความอย่างธรรมดา
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
แรมทางกลางเถื่อน | | ห่างเพื่อนหาผู้ |
หนึ่งในนึกดู | | เห็นใครไป่มี |
หลายวันถั่นล่วง | | เมืองหลวงธานี |
นามเวสาลี | | ดุ่มเดาเข้าไป |
ผูกไมตรีจิต | | เชิงชิดชอบเชื่อง |
กับหมู่ชาวเมือง | | ฉันอัชฌาสัย |
มาณวกฉันท์ 8[แก้]
มาณวกฉันท์ มีความหมายว่า "ประดุจเด็กหนุ่ม" ใช้แต่งบรรยายความที่รวดเร็ว
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 คำ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ล่วงลุประมาณ | | กาลอนุกรม |
หนึ่งณนิยม | | ท่านทวิชงค์ |
เมื่อจะประสิทธิ์ | | วิทยะยง |
เชิญวรองค์ | | เอกกุมาร |
เธอจรตาม | | พราหมณไป |
โดยเฉพาะใน | | ห้องรหุฐาน |
ปมาณิกฉันท์ 8[แก้]
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาทคือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ประดิษฐ์ประดับ | | ประคับประคอง |
ละเบงละบอง | | จำแนกจำนรร |
ระเบียบและบท | | สุพจน์สุพรรณ์ |
จะเฉิดจะฉัน | | วิเรขวิไล |
ลิลิตลิลาศ | | มิคลาดมิคล้อย |
ก็เรียบก็ร้อย | | อำพนอำไพ |
จะจัดจะแจง | | ผิแขงผิไข |
แถลงไถล | | ก็เสื่อมก็ทราม |
— (ฉันทศาสตร์) |
อุปัฏฐิตาฉันท์ 11[แก้]
หมายถึงฉันท์ที่กล่าวสำเนียงอันดังก้องให้ปรากฏ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง | | ชนะคล่องประสบสม |
พราหมณ์เวทอุดม | | ธก็ลอบแถลงการณ์ |
อินทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]
อินทรวิเชียรฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดุจสายฟ้าของ
พระอินทร์" เป็นฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด มีลักษณะและจำนวนคำคล้ายกับ
กาพย์ยานี 11 แต่ต่างกันเพียงที่ว่า
อินทรวิเชียรฉันท์ มีข้อบังคับ ครุและลหุ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
บงเนื้อก็เนื้อเต้น | | พิศะเส้นสรีร์รัว |
ทั่วร่างและทั้งตัว | | ก็ระริกระริวไหว |
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทิชงค์เจาะจงเจตน์ | | กละห์เหตุยุยงเสริม |
กระหน่ำและซ้ำเติม | | นฤพัทธะก่อการ |
อุปชาติฉันท์ 11[แก้]
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ
- บาทที่ 1 และบาทที่ 4 เป็นอุเปนทรวิเชียรฉันท์ คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
- บาทที่ 2 และบาทที่ 3 เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พิธีณะฉันทศาสตร์ | | อุปชาตินามเห็น |
เชลงลักษณลำเค็ญ | | กลนัยสลับกัน |
สาลินีฉันท์ 11[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พราหมณ์ครูรู้สังเกต | | ประจักษ์เหตุตระหนักครัน |
ราชาวัชชีสรร | | พะจักสู่พินาศสม |
สวาคตาฉันท์ 11[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคหลัง 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ข้าสดับสุมะทะนา | | วจะว่าวอน |
ใจก็นึกกรุณะหล่อน | | ฤดิสงสาร |
วังสัฏฐฉันท์ 12[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
อนี้และนามวัง | | สฐะดั่งฉบับนิพนธ์ |
ประกอบวิธียล | | บทแบบก็แยบขบวน |
ดิเรกะวิญญู | | ชนะรู้แลใคร่แลครวญ |
สนุกเสนอควร | | สุขจิตรประดิษฐ์ณะฉันท์ |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
อินทวงศ์ฉันท์ 12[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ราชาประชุมดำ- | | ริหะโดยประการะดัง |
ดำรัสตระบัดยัง | | วจนัตถ์ปวัตติพลัน |
โตฎกฉันท์ 12[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
มะทะนาดนุรัก | | วรยอดยุพะดี |
และจะรักบมิมี | | ฤดิหน่ายฤระอา |
ภุชงคประยาตฉันท์ 12[แก้]
ภุชงคประยาตฉันท์ 12 มีความหมาย "งูเลื้อย" มีทำนองที่สละสลวย มักใช้แต่งกับเนื้อหาที่มีการต่อสู้ บทสดุดี บทชมความงาม บทถวายพระพร และบทสนุกสนาน นอกจักนั้นยังสามารถใช้แต่งบรรยายความให้รวดเร็วได้
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล | | คเนกลคนึงการ |
กษัตริย์ลิจฉวีวาร | | ระวังเหือดระแวงหาย |
กมลฉันท์ 12[แก้]
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ทวิโลกยาฤๅคุณ | | ก็บุลยบันดาล |
อภิมงคลาลาญ | | ทุวิบากวิบัติภัย |
คณะฉันทสรรค์นาม | | กรตามบุราณไข |
บทกลอนกระมลไพ | | เราะหพร้องลบองแสดง |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วสันตดิลกฉันท์ 14[แก้]
วสันตดิลกฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆใน
ฤดูใบไม้ผลิ (
ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 14 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
รอบด้านตระหง่านจตุรมุข | | พิศะสุขอร่ามใส |
กาญจน์แกมมณีกนกะไพ | | ฑุริย์พร่างพะแพรวพราย |
มาลินีฉันท์ 15[แก้]
ชื่อฉันท์แปลว่า ดอกไม้ เป็นฉันท์ที่แต่งยากแต่ทว่ามีความงามประดุจดอกไม้ ทำนองฉันท์สั้นกระชับในตอนต้น แล้วราบรื่นในตอนปลาย เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองเคร่งขรึมน่ายำเกรง กวีมักใช้แต่งเพื่ออวดความสามารถในการใช้ศัพท์และเป็นเชิงกลบท
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ วรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
กษณะทวิชะรับฐา | | นันดร์และที่วา |
จกาจารย์ | | |
นิรอลสะประกอบภาร | | พีริโยฬาร |
และเต็มใจ | | |
ประภัททกฉันท์ 15[แก้]
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
สุวุติปภัททกา | | รจิตนา |
มกรประกาศ | | |
บทคณฉันทศาสตร์ | | นิกรปราชญ์ |
ประพฤติเพียร | | |
พจนพิจิตรเรียน | | อลสะเพียร |
มโนวิจารณ์ | | |
วิบุลยปรีชญาณ | | พลจะชาญ |
ฉลาดนิพนธ์ | | |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วาณินีฉันท์ 16[แก้]
หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
นรนฤนาทภิบาล | | กลประมาณ |
ประเล่ห์อุประมา | | |
จะประพฤติราชกิจา | | นุกิจสา \ |
ธุธรรม์บอาธรรม์ | | |
บุพบทวากยวรร | | ณวุดิฉัน |
ทวณินีนาม | | |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18[แก้]
หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 11 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
เสวกพึงศึกษาณสุวสดิดอุด- | | |
ดมดิเรกดุจ | | วิการกถา |
ฉันท์นี้ธีเรศอ้างกุสุมิตลดา | | |
เวลลิตานา | | มกรขนาน |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19[แก้]
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ขบวรเลบงเพรงพากย์พร้องก็เพราะพจนกลอน | | |
เสนอกระวีวร | | ทฤษฎี |
ลบองเมฆวิปผุชชาติตาสุวุฒิกลมี | | |
ฉันทคัมภีร์ | | พฤโตทัย |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ 19[แก้]
สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ มีความหมาย "เสือผยอง" ใช้แต่งบทไหว้ครู บทโกรธ และบทยอพระเกียรติ
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 5 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 2 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี | | |
กายจิตร์วจีไตร | | ทวาร |
กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ | | |
ยอดศาสดาจารย์ | | มุนี |
อีทิสังฉันท์ 20[แก้]
อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ
หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี | | |
ประดุจมโนภิรมย์ระตี | | ณ แรกรัก |
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์ | | |
แฉล้มเฉลาและโศภินัก | | ณ ฉันใด |
สัทธราฉันท์ 21[แก้]
ฉันท์ที่มีลีลาวิจิตรประดุจสตรีเพศผู้ประดับด้วยพวงมาลัย
หนึ่งบทมี 21 พยางค์ แบ่งเป็น 4 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 7 พยางค์ วรรคสาม 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบ
กลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ | | ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ |
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ | | ลหุ-ครุ-ครุ |
ตัวอย่างคำประพันธ์
อรรถแสดงแห่งเหตุพิเศษผล | | นิกรวิธุรชน |
เชิญประกอบกล | | ประกาศสาร |
รังสรรค์ฉันทพากยโบราณ | | บุนรจนวิถาร |
สัทธราขนาน | | ณนามกร |
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
ฉันท์มาตราพฤติ[แก้]
ฉันท์มาตราพฤติ เป็นฉันท์ที่บังคับมาตรา โดยกำหนดให้พยางค์เสียงหนักคือ พยางค์ครุเป็นพยางค์ละ 2 มาตรา ส่วนพยางค์เสียงเบา คือ พยางค์ลหุ เป็นพยางค์ละ 1 มาตรา ในคัมภีร์วุตโตทัยมีฉันท์มาตราพฤติ 27 ชนิด ตั้งแต่บทละ 45 มาตรา จนถึง 68 มาตรา แบ่งเป็น 4 พวกใหญ่ ๆ คือ
อริยชาติฉันท์[แก้]
มี ๗ ชนิด ได้แก่ อริยฉันท์, อริยสามัญญฉันท์, อริยปัฐยาฉันท์, อริยวิปุลาฉันท์, อริยจปลาฉันท์, อริยมุขจปลาฉันท์ และ อริยชฆนจปลาฉันท์
คีติชาติฉันท์[แก้]
มี ๔ ชนิด ได้แก่ คีติฉันท์, อุปคีติฉันท์, อูคีติฉันท์ และอริยคีติฉันท์
เวตาฬิยชาติฉันท์[แก้]
มี ๙ ชนิด ได้แก่ เวตาฬิยฉันท์, โอปัจฉันทสกะฉันท์, อาปาตลิฉันท์, ลักขณันตฉันท์, อุทิจจวุตติฉันท์, ปัจจวุตติฉันท์, ปวัตตกฉันท์, อปรันติกฉันท์ และจารุหาสินีฉันท์
มัตตาสมกชาติฉันท์[แก้]
มี ๗ ชนิด ได้แก่ อจลฐิติฉันท์, มัตตาสมกฉันท์, วิสิโลกฉันท์, วานวาสิกฉันท์, จิตราฉันท์, อุปจิตราฉันท์ และปาทากุลกฉันท์
กวีไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงานกวีนิพนธ์[แก้]
ฉันท์มาตราพฤติเป็นฉันท์ที่กำหนดมาตรา ไม่กำหนดคณะฉันท์ ผู้แต่งสามารถพลิกแพลงอักษรใช้ได้หลายแบบในมาตราที่กำหนด ทำให้ดูขาดระเบียบ และไม่กำหนดฉันทลักษณ์ที่แน่นอนลงได้ รวมทั้งกำหนดจังหวะอ่านลำบาก กวีจึงไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงาน
กวีนิพนธ์ จะมีก็แต่ในตำราฉันท์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเท่านั้น
[2]
ฉันท์ประดิษฐ์ขึ้นใหม่[แก้]
การประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ของกวีตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามี 2 ลักษณะ
[1]คือ
- ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย
- ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น
ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย[แก้]
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยอยุธยาและปรากฏชื่อในจินดามณี[แก้]
มี ๓ ชนิด คือ วิเชียรดิลกฉันท์, ดิลกวิเชียรฉันท์ และโตฎกดิลกฉันท์
- วิเชียรดิลกฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับระหว่างบาทกับระหว่างบท ตัวอย่าง
เคยพาดพระหัตถ์เหนือ(๕) | | อุรราชกัลยา(๖) |
กอดเกี้ยวคือกาญจนลดา(๘) | | อันโอบอ้อมทุมามาลย์(๖) |
พิศพักตรมณฑลศศิ | | บริสุทธิเปรียบปาน |
เปรมร่วมมฤธูรสุบันดาน | | รดีดัดบันเจิดใจ |
— (จินดามณี) |
- ดิลกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์ กับอินทรวิเชียรฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
อุรประทับอรถนัง(๘) | | บรามัสสิวรไวย(๖) |
จุมพิตริมไร(๕) | | โอษฐคันฐกัลยา(๖) |
บริสังคติพระอุระองค์ | | อานุชพนิดา |
สมสนุกนิเสน่หา | | รสราคเอมอร |
— (จินดามณี) |
- 'โตฎกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างโตฎกฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๖ พยางค์ บาทแรกเป็นโตฎกฉันท์ ๑๒ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
วรรังษิประไพ(๖) | | บุรโชติพรายพรรณ(๖) |
เสตาเจนิรัตนสรรพ(๘) | | ปริโตปิลังโค(๖) |
หรคัณหปิงคำ | | กปิโลโลปิตโต |
สิหัษรโทโพอรุโณ | | ภาศรัศศมี |
— (จินดามณี) |
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ในสมัยรัตนโกสินทร์[แก้]
- กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงประดิษฐ์ฉันท์ขึ้น ๕ ชนิด ในพระนิพนธ์เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์ โดยผสมฉันท์ ๔ ชนิดได้แก่ อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ ภุชงคปยาตฉันท์ และอินทวงศ์ฉันท์ เข้าด้วยกันเกิดเป็น ภุชพงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตวงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตปยาตฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์) ภุชงควิเชียรฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทรวิเชียรฉันท์) และอินทรลิลาตฉันท์ (ผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์)
ตัวอย่างวสันตวงศ์ฉันท์ 15
ผัวเมียพม่าทุพละพาศน์ | | หินะชาตินิวาศพนอม |
ขัดแคลนนิแสนทุรนะตรอม | | อุระเท้งเขยงขยัน |
ทำตาลก็นานนิตยะเพียง | | ผละเลี้ยงชีวินละวัน |
เกิดบุตรีก็สุดจะปิยะฉัน | | ชิวะพ่อพะนอถนอม |
— (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์) |
ตัวอย่างอินทรลิลาตฉันท์ 11
ผ่านฟ้าพญาเสือ | | ดุร้ายเหลือและโลภโกง |
เสมือนต้อนตะโพงโขลง | | พศกหาภุกาเมนทร์ |
ไทเอือนพระเหมือนม่าน | | เพราะบักอานกะการเกณฑ์ |
เดือดดาลกะบาลเบน | | ขบถไท้ผิใครชวน |
— (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์) |
ราตรีก็แม่นมี | | ขณะดีและร้ายปน |
ไป่ผิดกะคนคน | | คุณโทษประโยชน์ถม |
ราตรีกลีกลพิโรธ | | หฤโหดกระหึมลม |
มืดตื้อกระพือพิรุณพรม | | และฤเราจะแยแส |
— (โคลงกลอนของครูเทพ เล่ม ๒) |
ตัวอย่างคำประพันธ์
| | สะพรึบสะพรั่ง |
ณหน้าและหลัง | | ณซ้ายและขวา |
ละหมู่ละหมวด | | ก็ตรวจก็ตรา |
ประมวลกะมา | | สิมากประมาณ |
| | นิกายเสบียง |
ก็พอก็เพียง | | พโลปการ |
- ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร หรือนามปากกา คมทวน คันธนู ประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ 15 ชนิด โดย
- ผสมฉันเดิมสองแบบเข้าด้วยกัน 9 ชนิด ได้แก่
- เปลี่ยนแปลงครุลหุในฉันท์เดิม 6 ชนิด ได้แก่
ความลับจะดำมืด | | ความชืดจะชินชา |
ด้วยเล่ห์ ณ เวลา | | มองฟ้าสิอาจม |
คนไทยไฉนเล่า | | โง่เง่าและงายงม |
หลงชื่นระรื่นชม | | นานนมนิยมมา |
ต่างเห็นจะเป็นเหยื่อ | | เฝ้าเชื่อและบูชิต |
ยิ่งคาดอนาถผิด | | เจ็บจิตอนิจจา |
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น[แก้]
ชโยสยาม ณ ยามจะรุ่น | | สยามดรุณจะเร็วเจริญ |
ณ คราวจะเรียนก็เพียรจะเพลิน | | ฤ ใครจะเกินสยามดรุณฯ |
กุมาระไทยไฉนจะหลง | | จะลืมพระองคะทรงสกุล |
ยามะรัฐอุบัติเพราะบุญ | | พระเดชพระคุณพระราชะวงศฯ |
ณยามสายัณห์ตะวันย้อยต่ำ | | เถอะเร่งเท้าตำจะค่ำแล้วหนอ |
ตะแล้กแต้กแต้กจะแหลกแล้วพ่อ | | กระด้งเขารอจะขอรับไป |
บุรุษรอทีสตีเร่งเท้า | | บุรุษยั่วเย้ากระเซ้าเสียงใส |
กระเดื่องตำข้าวก็กราวเสียงไกล | | สนุกน้ำใจสมัยราตรี |
โอ้องค์พระทรงสมญา | | "ปิยมหาจุฬาลงกรณ์" |
ไทยสามิภักดิ์ภูธร | | หทยเทอดพระเลิศเลอธรรม์ |
แสงสูริย์จรูญจำรัส | | รพิประภัสสร์ก็เพียงกลางวัน |
แสงโสมชโลมแหล่งสรรพ์ | | ภพอร่ามก็ยามกลางคืน |
อ้า! ทิวา ณ ฉนำใหม่ | | ศุภพิสัยดีถีเปรม |
ขอเชิญพระไตรรตโนดม | | สรณะมิ่งประชานิกร |
จุ่งได้ประสาทสิริพรให้ | | ธนิรภัยเกษมบวร |
ยืนยง ณ ชีวนิรันดร | | ดุจนภาและเมทินี |
รวมปฐมพระจักริวงศ์ | | วีระทรงบำราบอมิตร |
เบญจมงค์วรงค์มหิทธิ์ | | ปิยะราชผนิตสยาม |
ดั่งพระเนาวมงค์พระนาม | | ไท้พระภัทร "ภูมิพลฯ" |
ครบฉนำเฉลิมพระชนม์ | | ปกประชาพิเศษพิชัย |
รพีพัฒนศักดิ์ | | พระเอกอัครคุณ |
อร่ามเรือง ณ อรุณ | | สถิตทอนิติธรรม |
ละครวิทยุ | | ประลุวิทยานันท์ |
กระแสส่งนภาพลัน | | ระกะสายกระจายเสียง |
มิเปลืองฉากธนะ | | ผิแสดงก็สรรเพียง |
ประโลมโลกนิยายเรียง | | รจเรขรำพันครวญ |
สยามชาติเจริญรุ่ง | | คติมุ่งจรุงมั่น |
วิบูลย์สุขขจายครัน | | ศุภนันทนาการ |
ผดุงกิจการแผ้ว | | ก่อทแกล้ววิวัฒน์งาน |
| | ฐิติสานลุมั่นคง
ตัวอย่างการอ่านมาณวกฉันท์
|
ตัวอย่างการอ่าน วสันตดิลกฉันท์
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Jump up to:1.0 1.1 กวีนิพนธ์ไทย ๑ - ๒, สุภาพร มากแจ้ง, กรุงเทพฯ, โอเดียนสโตร์, 2539.
- ↑ Jump up to:2.0 2.1 ครรภครรลองร้อยกรองไทย, กรมศิลปากร, กรุงเทพ, พ.ศ. 2544, หน้า 265.
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี